สำหรับนักการตลาด คงไม่มีใครไม่เคยทำโบรชัวร์สำหรับแจกตามจุดต่างๆ แต่ในยุคที่การวัดผลลัพธ์ทางการทำการตลาดเป็นเรื่องสำคัญการยืนแจ้งแผ่นพับ ใบปลิว อยากเป็นทางเลือกไม่เหมาะสมเท่าไหร่ การทำโบรชัวร์ออนไลน์หรือ Landing Page จึงเป็นทางเลือกที่กำลังได้ความความนิยม และราคาการทำ Landing Page ก็ถูกกว่าการทำโบรชัวร์อย่างมาก

การทำ Landing Page ที่ดีเพื่อใช้แทนโบรชัวร์มีอะไรบ้าง

1. Landing Page ใช้รับข้อมูลจากผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์

หลักการสร้าง Landing Page ที่ดีคือแต่ละหน้าควรมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เช่นในกรณี อยากได้ข้อมูลลูกค้าเพื่อจัดส่งสินค้าตัวอย่างให้ลูกค้าทดลองใช้ สามารถให้ลูกค้ากรอกข้อมูลที่อยู่ เพศ อายุ และอื่นๆที่นักการตลาดต้องการข้อมูลได้ Landing Page สามารถสร้างแบบฟอร์มรับข้อมูลที่ต้องการได้เพื่อรับข้อมูลพร้อมระบบรายงานการกรอก ช่วงเวลาการกรอก ช่องทางการกรอกข้อมูล และข้อมูลอื่นๆเพื่อนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคได้ สิ่งเหล่านี้โบรชัวร์แบบเก่าไม่สามารถทำได้เลย

กรณีตัวอย่างการใช้ Landing Page เพื่อรับข้อมูล

  • การลงทะเบียนรับสิทธิ์
  • การสั่งจองสินค้า
  • การจองตั๋วต่างๆ
  • การตอบแบบสอบถาม

2. ใส่ปุ่ม Call to Action

โบรชัวร์แบบเก่าทำได้เพียง แจ้งที่อยู่ เบอร์ติดต่อกลับ หรือเว็บไซต์  ลูกค้าจะกดเพื่อพูดคุยกับธุรกิจเลยก็ทำไม่ได้ แต่สำหรับ Landing Page หากลูกค้าสนใจสินค้าและอยากสอบถามหรือสั่งซื้อสามารถกดที่ปุ่ม Call to Action ได้ทันที จึงอาจกล่าวได้ว่า Landing Page กระตุ้นให้เกิดการสั่งซื้อสินค้าได้มากกว่าโบรชัวร์แบบเก่า

3. ใส่เนื้อหาได้ไม่จำกัด ขนาดและรูปแบบ

โบรชัวร์แบบเก่าใส่ได้เพียงตัวอักษรและภาพ และถูกจำกัดตามขนาดของโบรชัวร์เพราะราคาค่ากระดาษแต่ละแผ่นมีราคา แต่การใช้ Landing Page ไม่มีข้อกำหนดเรื่องความยาวของเนื้อหา และยังสามารถใส่ คลิปหรือภาพเคลื่อนไหวต่างๆเพื่อกระตุ้นการกรอกแบบฟอร์มหรือกด Call to Action ได้

4. เปลี่ยนแปลงได้บ่อยตามที่ต้องการ

โบรชัวร์แบบเก่าสั่งพิมพ์แล้วหากเกิดความผิดพลาดหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลต้องจัดพิมพ์ใหม่ ค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่สำหรับ Landing Page หากทำไปแล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงกระทันหัน ก็สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ทันที และแทบจะไม่มีค่าใช้จ่าย